วิตามินบี วัตถุดิบอาหารที่ควรรับประทานหากร่างกายขาดวิตามินบี

วิตามินบี เป็นกลุ่มของสารอาหาร ได้แก่ B1 ถึง B9 และ B12 ซึ่งแต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะในการรักษาสุขภาพที่ดี เนื่องจากวิตามินบีแต่ละชนิดมีความสำคัญต่อสุขภาพของเซลล์ในร่างกายของคุณ อาการของการขาดวิตามินบีจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการขาดวิตามินบี อาจเริ่มด้วยอาการผื่นขึ้นจากการรู้สึกเหนื่อยและหมดแรง และโรคโลหิตจาง

อาหารบางชนิดอุดมไปด้วยวิตามินบีต่างๆ อาหารที่สมดุลและหลากหลายเป็นกุญแจสำคัญในการได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และเพื่อรักษาภาวะขาดวิตามินบี แพทย์มักแนะนำให้รับประทานอาหารเสริม ด้านล่างนี้ เราจะแจกแจงประเภทของวิตามินบีและอาหารที่คุณควรรับประทานหากคุณขาดวิตามินบี กรดโฟลิก บี 9 และโคบาลามิน บี 12 ซึ่งทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นวิตามินบี

แม้ว่าวิตามินรวมแต่ละชนิดจะมีหน้าที่ของตัวเอง แต่โดยรวมแล้ววิตามินเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตพลังงานและสร้างโมเลกุลของเซลล์ที่สำคัญ ส่งผลต่อสุขภาพของสมอง หัวใจ และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แต่ร่างกายของเราไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินอื่นนอกจากวิตามินบี 12 ได้นาน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเสริมวิตามินเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี

ปลาแซลมอนยังอุดมไปด้วยวิตามินบี เพราะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน อุดมไปด้วยวิตามินบีต่างๆ ได้แก่ บี1 บี2 บี3 บี5 บี6 โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ซึ่งมีวิตามินบี 12 สูงมาก ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและควบคุมการทำงานของประสาทส่วนกลาง ปลาแซลมอนยังมีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่มีวิตามินบีแต่ยังมีไขมันดี เช่น ไขมันโอเมก้า

รวมทั้งโปรตีนและซีลีเนียม เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ หรือเนื้อไก่ เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่ดี ประกอบด้วยธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ซีลีเนียม และสังกะสี และยังอุดมไปด้วยวิตามินบีโดยเฉพาะตับ นอกจากนี้ยังมีวิตามินที่ละลายในไขมันที่สำคัญ เช่น วิตามิน A,D,E และ K นอกจากนี้ยังเป็นโปรตีนที่ดีเยี่ยม ไข่เป็นแหล่งวิตามินบีที่ดี

โดยเฉพาะบี 5 และบี 12 วิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกาย ช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของระบบประสาทให้แข็งแรง อย่างไรก็ตาม การขาดวิตามินบี 12 เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง บางครั้งอาจทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด

และความอยากอาหารลดลง วิงเวียนศีรษะ ท้องผูก ดังนั้นผู้ที่ขาดวิตามินบีจึงควรรับประทานไข่บ่อยๆ เนื้อหมูมีวิตามินบี 2 บี 3 บี 6 บี 9 บี 12 และวิตามินบีอื่นๆ ซึ่งวิตามินบี 1 มีเนื้อหาสูงที่สุด แม้ว่าเนื้อวัวจะมีปริมาณน้อย แต่วิตามินบี 1 ก็มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับไตและการไหลเวียนของเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยเพิ่มสมาธิและความจำ

นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อนของหัวใจในผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังเป็นตัวควบคุมอารมณ์สำหรับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า หอยนางรม หอยกาบ เป็นแหล่งวิตามินบี ที่ดี ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาระบบประสาท ระบบเผาผลาญ และการสร้างเม็ดเลือด หอยเหล่านี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ เช่น เหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม และแมงกานีส

และเป็นแหล่งที่ดีของไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกลุ่มของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่มีบทบาทสำคัญในร่างกาย และช่วยสนับสนุนสุขภาพของหัวใจและสมอง เมล็ดทานตะวันอุดมไปด้วยวิตามินบี 5 ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงที่สุดในบรรดาอาหารทั่วไป แม้ว่าวิตามินบี 5 จะพบได้ในอาหารจากสัตว์และพืชส่วนใหญ่ แต่ก็มักจะมีอยู่ในปริมาณเล็กน้อย

การรับประทานเมล็ดทานตะวันยังให้วิตามินบี 5 ซึ่งอาจสูญเสียไประหว่างการแปรรูป การรับประทานเมล็ดทานตะวันหรือใช้เป็นวัตถุปรุงแต่งอาหาร เช่น โรยบนสลัด โรยหน้าขนมอบต่าง ๆ ก็ช่วยเพิ่มความอร่อยและรสชาติได้เช่นกัน ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี โดยเฉพาะผู้สูงอายุและสตรีมีครรภ์ คุณควรทานอาหารที่มีวิตามินบีให้มากขึ้น

ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ซึ่งสามารถป้องกันร่างกายจากการดูดซึมวิตามินบีได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรรับประทานอาหารที่สมดุลและหลากหลายเพื่อรับสารอาหารที่สำคัญอื่นๆ ร่างกายเพียงพอ มีหลายวิธีในการดูแลฟันและเหงือกของคุณ นอกจากการทำความสะอาดด้วยการแปรงฟัน บ้วนปาก และนัดทำฟันแล้ว

กิจกรรมประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยบำรุงฟันและเหงือกได้ เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อเหงือก และฟันก็เป็นการบำรุงและรักษาสุขภาพช่องปาก ของเราได้อีกทางหนึ่ง Vogue Beauty รวบรวม อาหารที่สามารถช่วยให้ฟันของคุณแข็งแรง ลดปัญหาฟันผุและเหงือกอักเสบ

กรดมาลิกในแอปเปิลช่วยผลิตน้ำลาย ช่วยขจัดแบคทีเรียในช่องปากและลดคราบสกปรกที่เกาะฟัน เยื่อแอปเปิลจะช่วยขจัดคราบเหลือง ช่วยให้ฟันขาว สะอาด และแข็งแรง อีกทั้งยังมีไฟเบอร์ที่ส่งเสริมสุขภาพเหงือกอาโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินซีและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟัน ลดการอักเสบของเหงือก

ทำให้สุขภาพเหงือกและฟันแข็งแรง การรับประทานอาโวคาโดยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มักเป็นโรคเลือดออกตามไรฟันหรือมีอาการเหงือกแดงและเจ็บ ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น เมล็ดพืช เมล็ดแตงโม เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ และงาดำ มีวิตามินบี 2 ไรโบฟลาวิน ซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสุขภาพฟัน

นอกจากนี้ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยและบรรเทาอาการเจ็บปาก ริมฝีปาก และลิ้น คุณรู้หรือไม่ว่าเปลือกกล้วยมีโพแทสเซียม และแมงกานีสที่ช่วยทำความสะอาดฟัน ขจัดสิ่งสกปรกและคราบเหลืองออกจากฟัน นอกจากนี้ ยังช่วยขจัดกลิ่นปากที่เกิดจากกล้วย แนะนำให้กินกล้วยประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนแปรงฟันและหลังตื่นนอนเป็นประจำ

ผลไม้รสเปรี้ยวมีวิตามินซีในปริมาณสูงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก ช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบในระยะเริ่มต้น ผักใบเขียวมีวิตามินเคที่ช่วยชะลอการเสื่อมของกระดูก และช่วยให้ร่างกายผลิตออสทีโอแคลซิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างกระดูก

วิตามินบี

สามารถช่วยบำรุงฟันและกรามให้แข็งแรง ผักใบเขียวที่แนะนำ ได้แก่ คะน้า กะหล่ำปลี ผักโขม ขึ้นฉ่าย บรอกโคลี หรือกะหล่ำดาว อย่างที่เราทราบกันดีว่านมเป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญ ช่วยรักษาเคลือบฟันและเตรียมกระดูกให้แข็งแรง ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ลดปัญหาเหงือกและป้องกันฟันผุ สิ่งสำคัญคือต้องได้รับแคลเซียมเพียงพอทุกวัน

นอกจากนมแล้วยังสามารถหาได้จากเนยแข็ง โยเกิร์ต แครอท ปลาตัวเล็ก ใบพลู ใบโยเกิร์ต เป็นต้น ถั่วมีแมกนีเซียมซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น สิ่งนี้จะส่งเสริมฟันและเคลือบฟันให้แข็งแรงขึ้น สามารถหาได้จากถั่ว เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง วอลนัต ถั่วลิสง อัลมอนด์ และรำขาว มันฝรั่งอุดมไปด้วยสารอาหาร

เช่น แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และสังกะสี ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของข้อต่อและกระดูกอ่อน นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำและอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย กินแล้วช่วยให้อิ่มนาน รู้สึกหิวน้อยลง อาหารทะเลอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ

เช่น ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบในกระดูก ฟัน และแม้แต่ DNA ของเรา เป็นส่วนประกอบโครงสร้างหลักของกระดูกและเคลือบฟัน และช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเคลือบฟัน พบมากในอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และหอยเชลล์ การรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงเหงือกและฟันเป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษาสุขภาพช่องปากที่ดี การใช้วิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสมจะช่วยให้ฟันและเหงือกของเราแข็งแรง

บทความที่น่าสนใจ : กาแฟ ศึกษาเกี่ยวกับผลดีและผลเสียในการดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย

Leave a Comment